Slow Productivity

Slow Productivity

May 9, 2025

แล้วก็มาถึงเล่มที่ 3 ในการรีวิวหนังสือของนักเขียนคนโปรดอย่างคุณ Cal Newport โดยในเล่มนี้เป็นเรื่องที่อยู่ใน Theme ที่เกี่ยวกับการสร้าง Productivity แต่ในเล่มนี้ไม่ได้ Focus ไปที่การจะทำอย่างไรให้เกิดจำนวนของผลผลิตให้ได้มากที่สุด แต่เป็นการ Focus ไปที่การทำอย่างไรให้ได้คุณภาพของผลผลิตให้ได้มากที่สุด

โดยส่วนตัว ผมมองว่าหนังสือเล่มนี้มีแนวคิดของการเพิ่ม Productivity ที่สนใจ เลยอยากจะแนะนำให้ทุกท่านลองหาอ่านดูเพื่อเข้าใจถึงแนวคิดการทำงานแบบ Slow Productivity กันครับ

เป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร ?

ในการสร้างผลผลิต (Product) นั้น เกิดมาจากการดำเนินการเพิ่มผลิตภาพ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Productivity โดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ยังคงอ้างอิงไปที่เรื่องของ “การเพิ่มจำนวนของผลิตภาพจะส่งผลให้เกิดความสำเร็จในการสร้างผลผลิตได้มากที่สุด” แนวคิดนี้ยังคงใช้ในการกระบวนการผลิตแบบ Mass Product ซึ่งก็คือกระบวนการเพิ่มผลผลิตให้ได้จำนวนมากที่สุดในราคาของต้นทุนที่ต่ำ

แต่ในการสร้างผลผลิตที่จากรูปแบบของแรงงานใช้ความรู้ความสามารถนั้น ความสำคัญของผลผลิตนั้นอาจไม่ใช่เรื่องจำนวน แต่เป็นเรื่องของคุณภาพ ซึ่งการจะทำให้ผลผลิตนั้นมีคุณภาพ ก็ต้องมีกระบวนการเพิ่ม Productivity ที่ไม่ใช่เรื่องของการเพิ่มจำนวน แต่เป็นเรื่องของการเพิ่มเวลาในการดำเนินการ หรือที่ผู้เขียนเรียกชื่อตามหนังสือนี้ว่า Slow Productivity นั่นเองครับ

โดยผู้เขียนจะแบ่งแนวคิดของ Slow Productivity โดยแบ่งปรัชญานี้ออกเป็น 3 ประการ ได้แก่

  1. จงทำงานให้น้อยอย่าง
  2. จงทำงานในจังหวะที่เป็นธรรมชาติ
  3. จงหลงใหลในคุณภาพ

อ่านยากไหม ?

ผู้เขียนใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เรียกได้ว่าแทบจะไม่เห็นคำศัพท์เทคนิคเฉพาะเลย ส่วนตัวมองว่าอ่านได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยทำงานนี่จะค่อนข้างอินเลย หากได้ลองนำเรื่องราวในหนังสือมาปรับเข้ากับบริบทในการทำงานปัจจุบันของเราครับ

เนื้อหาคร่าวๆ เป็นอย่างไร ?

ผู้เขียนจะแบ่งเนื้อหาหลักของหนังสือเป็น 2 บทใหญ่ ดังนี้

ภาค 1 | จากพื้นฐาน

ผู้เขียนจะพามาทำความรู้จักกับคำว่า “ผลิตภาพ” กันก่อนว่าหมายถึงอะไรกันแน่ แล้วสิ่งที่เรียกว่า “ผลิตภาพเทียม (pseudo-productivity)” นี้มีผลต่อกระทบต่อแนวคิดของกระบวนการเพิ่ม Productivity ในปัจจุบันอย่างไรบ้าง

ซึ่งผลิตภาพเทียมส่งผลกระทบต่อการทำงานในปัจจุบันนี้ เช่น การทำตัวให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากการยึดในหลักการทำงานที่ต้องวัดผลได้ตลอดเวลาทำให้เกิดการเพิ่ม Productivity ในด้านของการเพิ่มจำนวนผลผลิตให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบางทีการเพิ่มจำนวนที่ว่านี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อคุณภาพของผลผลิตมากนัก ทำให้บางทีอาจเกิดความสูญเสียแรงจูงใจในการทำงาน หรือที่เราเรียกกันว่า Burn out นั่นเอง

ต่อมาผู้เขียนจะพามาทำความรู้จักกับ “ความเนิบช้า (Slow)” ว่าแท้จริงแล้วเป็นส่วนที่สามารถช่วยเพิ่ม Productivity ได้จริงหรือ หากไม่ใช่แล้ว “ความเนิบช้า” แบบใดที่จะช่วยให้เพิ่ม Productivity กันแน่

ภาค 2 | สู่หลักการ

เมื่อได้เรียนรู้ถึงพื้นฐานของ “ผลิตภาพ” กันแล้ว ต่อมาผู้เขียนจะทำการลงลึกถึงหลักการ 3 ประการ อันได้แก่

จงทำงานให้น้อยอย่าง

การที่เรารับงานมาเยอะๆ จนไม่มีเวลาให้มาคิดถึงคุณภาพของงาน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคุณภาพคือ การทำงานทั้งหมดให้ทันภายในเวลาได้มากที่สุด ซึ่งสิ่งนี้นั้นเกิดมาจากสิ่งที่เรียกว่า “ผลิตภาพเทียม” ที่เป็นการให้คุณค่ากับปริมาณของผลิตภาพ

จงทำงานในจังหวะที่เป็นธรรมชาติ

การเพิ่ม Productivity ที่เน้นไปที่ปริมาณนี้ อาจทำให้จังหวะของการทำงานอาจจะดูเร่งเกินไป ซึ่งโดยหลักการของ Slow Productivity นี้ ควรเป็นการดำเนินการตามจังหวะตามธรรมชาติ ไม่เร่งจนเกินไป และไม่หย่อนยานจนสูญเสียแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งจังหวะของแต่ละคนนี้ก็ไม่เหมือนกัน คุณต้องลองค้นหาจังหวะที่เป็นของตัวเองจึงจะสามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ

จงหลงใหลในคุณภาพ

หากใครได้เคยอ่านหนังสือเล่มก่อนของผู้เขียน So Good They Can’t Ignore You นั้น จะคุ้นเคยกับคำว่า “ความหลงใหล” ซึ่งในเล่มนี้ผู้เขียนก็ได้อ้างอิงที่หลักการในเล่มก่อนเช่นเดียวกัน เพียงแต่อาจเพิ่มในส่วนของบริบทในความเป็นปัจจุบันของผู้เขียนเข้าไป ซึ่งการหลงใหลในคุณภาพนี้ จะช่วยทำให้เกิดคุณภาพในงานของเราได้ดียิ่งขึ้น

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร ?

เหมาะสำหรับคนที่อยากสร้างผลผลิต หรือผลงานให้มีคุณภาพมากขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าจะหาแนวทางการทำงานแบบใดที่จะช่วยให้การทำงานนี้ได้คุณภาพอย่างที่ตั้งใจ รวมไปถึงคนที่กำลังอยู่ในวัยทำงาน และต้องการเพิ่มคุณภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตด้านอาชีพการงานได้ดียิ่งขึ้น

ℹ️
คุณมีสิทธิที่จะ… อยากทำงานไวๆ แต่ว่าไร้คุณค่า หรืออยากทำงานช้าๆ แต่คุณภาพของงานชัด
Last updated on